ผู้สูงอายุควรรู้ 5 นิสัยที่ควรเลิก เพื่อให้ชีวิตสบายขึ้นทั้งตัวเองและครอบครัว

“แก่แล้ว… อย่าเก็บนิสัยเสียพวกนี้ไว้ เพราะอายุที่มากขึ้นคือช่วงเวลาที่ควรพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น”

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น หลายคนอาจคิดว่าตัวเองผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากพอ จนอยากทำอะไรตามใจตัวเอง แต่ความจริงแล้ว การเป็นผู้สูงอายุในยุคนี้จำเป็นต้องปรับตัว ทั้งในด้านความคิด อารมณ์ และทัศนคติ เพราะพฤติกรรมบางอย่างอาจกระทบทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ ความสัมพันธ์ในครอบครัว รวมถึงคุณภาพชีวิตโดยรวม การรู้จักปรับนิสัยให้ดีขึ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตอย่างสงบ ผ่อนคลาย และเป็นที่รักของคนรอบข้างมากขึ้น

ต่อไปนี้คือพฤติกรรมที่ผู้สูงอายุหลายคนอาจเผลอทำโดยไม่รู้ตัว และเป็นนิสัยที่ควรปรับเพื่อให้ชีวิตดีขึ้นในทุกด้าน

1. ดื้อดึง ไม่ฟังความคิดเห็นของใคร

ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าตัวเองผ่านโลกมามาก มีประสบการณ์มากพอ และบางครั้งมองข้ามคำแนะนำจากลูกหลานหรือคนรอบตัว แต่โลกทุกวันนี้เปลี่ยนเร็ว ทั้งด้านเทคโนโลยี การเงิน สุขภาพ และสังคม การไม่เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่อาจทำให้เสียโอกาส หรือเสี่ยงต่อปัญหาต่างๆ โดยไม่รู้ตัว เช่น การถูกหลอกลวงออนไลน์ การเข้าใจข้อมูลสุขภาพผิด หรือการปฏิเสธสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิต

ผู้สูงอายุที่เปิดใจรับฟังความคิดเห็น แม้จะไม่ต้องเชื่อตามทั้งหมด แต่เพียงรับฟังและพิจารณาด้วยเหตุผล ก็ช่วยให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้น และยังลดความขัดแย้งไม่จำเป็น

2. ขี้โมโห หงุดหงิดง่าย

อายุที่มากขึ้น ไม่ได้แปลว่าการควบคุมอารมณ์จะเป็นเรื่องยากเสมอไป ในทางกลับกัน ผู้สูงอายุที่รู้จักสงบ นิ่ง และใจเย็น จะมีสุขภาพใจที่ดีและลดความเครียดลงได้มาก การโกรธง่าย น้อยใจง่าย หรือแสดงอารมณ์รุนแรงต่อคนใกล้ชิด นอกจากจะทำให้คนรอบข้างลำบากใจ ยังส่งผลต่อความดันโลหิต สุขภาพหัวใจ และอาการเจ็บป่วยเรื้อรังอีกด้วย

การฝึกใจให้สงบ หายใจลึกๆ หรือทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น เดินเบาๆ ทำสวน อ่านหนังสือ หรือพูดคุยอย่างใจเย็น จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในบ้านและเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในระยะยาว

3. ชอบบ่น ตำหนิทุกเรื่อง

การบ่นเป็นนิสัยที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกโดดเดี่ยว คิดมาก หรือมีความกังวล แต่การบ่นมากเกินไปทำให้คนรอบข้างรู้สึกอึดอัดและห่างเหินโดยไม่รู้ตัว ผู้สูงอายุที่เลือกพูดในสิ่งที่จำเป็น และสื่อสารเชิงบวก จะทำให้ทุกคนอยู่ใกล้แล้วรู้สึกสบายใจ

การพูดให้น้อยลงแต่พูดในสิ่งที่มีคุณค่า จะช่วยให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้น และยังทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกผ่อนคลายจากความคิดด้านลบด้วย

4. ยึดติดอดีต ไม่ยอมปล่อยวาง

คำว่า “เมื่อก่อนดีกว่า” เป็นประโยคที่ผู้สูงอายุหลายคนเผลอพูดจนติดปาก แม้ว่าจะมีความทรงจำดีๆ หลายอย่างในอดีต แต่การยึดติดมากเกินไปทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกเศร้าใจ หงุดหงิด และไม่สามารถปรับตัวกับปัจจุบันได้

การมองอดีตเป็นบทเรียน แต่ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันอย่างมีคุณค่า จะช่วยให้จิตใจสบายขึ้น และทำให้ผู้สูงอายุเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ที่อาจดีไม่แพ้อดีตเช่นกัน

5. หวังพึ่งแต่คนอื่นมากเกินไป

แม้ว่าการพึ่งพาครอบครัวเป็นเรื่องปกติในวัยสูงอายุ แต่การพึ่งคนอื่นในทุกเรื่องอาจกลายเป็นภาระ และทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกผิดหวังง่ายเมื่อไม่ได้รับตามที่คาดหวัง การพยายามทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองเท่าที่ทำได้ เช่น ดูแลสุขภาพพื้นฐาน จัดการงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ หรือฝึกการใช้เทคโนโลยี จะทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น การพึ่งตัวเองยังช่วยลดความเครียดของลูกหลาน และทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกภูมิใจที่ยังใช้ชีวิตได้อย่างมีความหมาย

การเป็นผู้สูงอายุในยุคปัจจุบันต้องการทั้งวินัย ความยืดหยุ่นทางความคิด และการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง การปรับนิสัยที่ไม่เหมาะสม จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพใจที่ดีขึ้น ความสัมพันธ์ราบรื่นขึ้น และคุณภาพชีวิตโดยรวมดีขึ้นมาก

อายุที่มากขึ้นไม่ใช่ข้อจำกัด แต่เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราได้พิสูจน์ว่าชีวิตสามารถดีขึ้นได้เสมอ หากรู้จักปรับตัวและเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ในทุกวัย


Categories

บทความล่าสุด

Tags

ค้นหา

Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

Save